เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกีฬาขี่ม้าในโอลิมปิก

จัดได้ว่าเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ต้องใช้ผู้เล่นที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก ซึ่งนักกีฬาชนิดนี้นั้นจะต้องมีความชำนาญ เพราะจะต้องแข่งขันกันบนม้า ซึ่งม้านั้นจัดได้ว่าเป็นหัวใจหนักของกีฬาชนิดนี้เลยก็ว่าได้ เพราะนักกีฬานั้นจะต้องมีความเข้าใจกับม้าค่อนข้างสูง ต้องอยู่กับมันให้เหมือนมิตรที่ดีต่อกัน และร่วมกันทำงานเป็นทีมเวิร์ค เพราะในการแข่งขันนั้นจะต้องเจอเส้นทางที่หลากหลายและอาจมีสิ่งขวางกั้นทาง ได้อยู่เสมอ นักขี่ม้าจึงต้องรู้จักวิธีการควบคุมเจ้าม้าของตัวเอง
dive-horse-photo
ให้ทำตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการบังคับทิศทาง การเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือแม้แต่กระทั่งการกระโดด เพราะถือได้ว่าม้านั้นต้องเป็นถึงเพื่อนรู้ใจหรือเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในการ แข่งขันเลยก็ได้ ซึ่งกีฬาชนิดนี้นั้นเป็นเพียงกีฬาชนิดเดียวบนโลกที่ใช้คนและสัตว์อยู่ในทีม เดียวกัน และการที่จะชนะนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน จึงเป็นกีฬาที่ค่อนข้างยาก และต้องมีสติอยู่เสมอ เพราะบางทีนั้นม้าก็ไม่ได้จะทำตัวดีเสมอไป อาจจะมีการเกเรบ้าง หรือที่เรียกกันเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ ม้าพยศ นั่นเอง ซึ่งจำเป็นเป็นอย่างมากที่ผู้เล่นนั้นจะต้องมีเทคนิค และความชำนาญ เพื่อใช้ในการรับมือในกรณีที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งกีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาที่ให้เพศหญิงและเพศชายนั้นมีสิทธิที่เท่าเทียมกัน ในทุกๆด้าน และไม่มีการแบ่งแยก ซึ่งจัดได้ว่าเป็นเพียงกีฬาชนิดเดียวเท่านั้น ซึ่งเมื่อไม่มีการแบ่งแยก จึงทำให้สามารถแข่งร่วมกัน และรับรางวัลในการชนะในแท่นเดียวกันได้ โดยกีฬาขี่ม้านั้นได้รับเกียรติในการเข้าร่วมโอลิมปิก เมื่อตอนที่ประเทศออสเตรเลียนั้นได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬา โอลิมปิกเป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ.1956 ที่กรุงเมลเบิร์น แต่ก็น่าแปลก เพราะกีฬาขี่ม้านั้นกับเกิดขึ้นในกรุงสต็อคโฮล์ม ในประเทศสวีเดน ซึ่งกีฬาขี่ม้านั้นก็ได้ถูกแบ่งแยกออกมาอีกถึง 6 ชนิด นั่นก็คือ
1.    รถม้า
2.    อีเว้นติ้ง
3.    กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง
4.    ยิมนาสติกบนหลังม้า
5.    การขี่ม้าวิบาก
6.    ศิลปะการบังคับม้า